อันตรายจากคอมพิวเตอร์
"โรควุ้นในลูกตาเสื่อม"(สำคัญมากๆ)
ผู้เข้าชมรวม
729
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คนที่เล่นคอมพิวเตอร์เกือบทุกคนเป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม'
ตอนนี้ในประเทศไทยมีคนเป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม' ถึง 14 ล้านคนแล้วจากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์
นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้นะครับคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองก้อเป็นมากขนาดไหน?
อาการก้อคือ==คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนยักใย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจกน่ะครับ
จะเห็นชัดก้อต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา
ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ)
และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด(ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?)
สาเหตุของโรคนี้คือ ==' การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่างเจียรไนเพชรพลอยที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ
แต่เด๋วนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม
(คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ)
ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก?
ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต,เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่,อ่านบทความ! ,อ่านหนังสือหรืออะไรก้อตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง
ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอนเพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอน
กล้ามเนื้อและประสาทตา จึงทำงานค่อนข้างคงที่
แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณ์เป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่ชัด
สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส(เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป )
( และจอ LCD เราก้อต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือมันไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือนอยู่บนแผ่นกระดาษ)
การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหน้าหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง
เพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้ หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ
แต่ การเลื่อนบรรทัดนี้ มันไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษที่แขนกับคอ
จะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน
แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนม้าส์นั้น
มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู)
มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะลูกตา จะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด
บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางที คุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้มพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย
ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ
คุณจะปวดตามากๆๆ อย่างเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน
สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดโปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีสว่าง
(ที่นิยมก้อคือตัวหนังสือดำ พื้นสีขาว ) สีพื้นที่สว่างขาวจ้า นี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง
ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป
หรือไม่ก้อ ในคนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อยๆ
มักจะมีการปรับแสงสว่างให้จ้าที่สุด เพราะเวลาเล่นเกมส์
ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ
สรุปก้อคือ
1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน
กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย'
2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต
มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย
การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย
3.การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย '
4.การปรับจอภาพที่มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย'
( ข้อนี้ คล้ายๆ กับ การเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำแล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน)
5.การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !!
(จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!)
เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว)
แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น
ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่ อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา)
---------------------------------------------------------------------------------
นี่คือตัวอย่างจากเราเองนะ...
คือมีวันนึงกะลังอาบน้ำอยู่ เพิ่งเล่นคอมเสร็จเลย
แล้วทีนี้เลยเงยหน้าไปมองหลอดไฟ รู้สึกทำไมตาขวามันมัวๆ คือแบบเหมือนฝุ่นเกาะกระจก
เป็นมัวๆ แล้วทีนี้เราก็เลยลองปิดตาซ้ายมองแต่ตาขวา เป็นไงล่ะทีนี้ รู้สึกเหมือนโลกมัวไปหมดอ่ะ
ขนาดยี่ห้อขวดแชมพูตัวเบ่อเร้อ เรายังไม่เห็นเลยอ่ะคิดดูแล้วกัน เรารู้แค่ว่านี่คือ กระจก นี่คือประตู แค่นี้อ่ะ น่ากลัวมากๆ
พอล้างตาก็ไม่ออก ล้างอยู่นั่นแหละก็ไม่ออก กลัวตาเราแดงเพราะถูกน้ำมากก็เลยเลิกล้างไป
พอเปิดตาซ้ายออกมาด้วย รู้สึกเหมือนตาขวาเรามัวๆแต่ตาซ้ายปกติดี
มันจะรู้สึกเหมือนกับตาเราไม่ได้มองสิ่งเดียวกันอ่ะ ตาซ้ายเรานี่ชัดเลยนะว่าอะไรเป็นอะไร ตาขวาเรานี่มัวๆอ่านไม่ค่อยออกอ่ะ
รู้แต่ลักษณะรูปร่าง แต่โชคดีที่เราเป็นไม่นานเท่าไหร่ ผ่านไปประมาณชั่วโมงนึงมั้ง(ไม่นานนะเนี่ยยย)
รู้สึกเฉยๆอ่ะ กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่มีไรเกิดขึ้นเห็นชัดทั้งสองข้างเลย
ก้เลยอยากฝากเพื่อนๆดูไว้เป็นตัวอย่างนะ ดูแลตัวเองกันด้วย
ตอนนี้หน้าจอคอมเรามืดไปเลยอ่ะ ไม่ขาวเลย ปรับเป็นมืดสุดเลยอ่ะ
***เรามีวิธีมาแนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากเป็นนะ***
วิธีนี้เป็นวิธีที่เราใช้เองนะ ก็คือเนี่ยแหละตั้งหน้าจอให้มืดๆอ่ะ มืดสุดยิ่งดีขอให้อ่านออกเป็นพอ
แรกๆเราก็จะไม่คุ้นหรอกเพราะว่าเราเคยใช้แต่ที่มันสว่างๆอ่ะนะ เวลาเราดูรูป อย่างเช่นรูปดงบัง เราก็จะมองไม่ค่อยเห็นเพราะมันมืด
เราก็ค่อยมาปรับให้มันสว่างตอนที่เราดูรูป ดูคลิปไรเงี้ยอ่ะ เวลาอ่านหัวข้อธรรมดาๆก็มืดๆแบบนั้นอ่ะแหละ
เราลองทำแล้วมันช่วยได้อ่ะ เพราะเราคิดว่าสงสัยใช้แสงมากเกินเลยลดลงจนสุดเลย
เราก็ไม่เป็นอีกเลยนะ เวลาเราจะดูรูป ถ้ารูปไหนไม่ชัดก็กดให้แสงมันสว่างขึ้นมาหน่อย ย้ำหน่อย
แล้วเราทำเรื่อยๆมันจะคุ้นเอง แต่เด๋วนี้เราไม่ต้องเพิ่มแสงตอนดูรูปแล้วนะ ปัจจุบันนี้ มันคุ้นอ่ะมั้ง
ก็เอาลองไปทำดูละกันนะ เราก็แค่เอามาแนะนำให้เพื่อนๆทำดู เพราะเราทำแล้วมันได้ผลไง แล้วไม่ปวดตาง่ายด้วยนะ ขอบอก
ถ้าลดการเล่นได้ลดนะ เพราะเราก็ลดๆลงบ้างแล้ว แรกๆอาจจะหงุดหงิด ทนเอา หลังๆจะคุ้นเอง นอกจากจะคนที่ทนไม่ไหวจิงๆนะ
เพราะว่าถ้าเล่นมากๆใช้แสงมากๆเนี่ยมันทำให้กระจกตาลอกได้เลยถ้าอาการหนักจริงๆ
วุ้นในตาเสื่อมอาจจะยังพอมองเห็นได้บ้างแต่กระจกตาลอกนี่เรื่องใหญ่เลยนะคะ
บางคนเป็นโรคแพ้แสง ถึงขั้นต้องใช้แว่นกันแสงกันเลยทีเดียวนะ
ปล1.ถ้าใครไม่อยากเป็นเลย เลิกเล่นไปซะ ไม่เป็นโรคนี้ แถมประหยัดค่าไฟอีก555 (คำแนะนำนี้สำหรับคนที่อดเล่นได้จิงๆ555)
ปล2.เคยรู้สึกบ้างปะว่าเวลาเล่นแล้วเหมือนหน้าจอมันมีแสงมากขึ้นอ่ะ นั่นเป็นเพราะว่าเราจ้องมันนานเกินไป
กะพริบตาบ่อยๆเอา หรือไม่ก็ลองกดมันลงให้มันมืดๆอีกอ่ะ
~~เราอยากได้แค่คำขอบคุณจากเพื่อนๆที่นี่แค่นี้เราก็ดีใจละ~~
อยากให้เพื่อนๆเอาไปลงที่บอร์ดอื่นเยอะๆด้วยนะคะ เพราะว่าเค้าก็จะได้รู้เหมือนกันกะเรา โอเค๊
อันนี้เป้นข้อมูลทางวิชาการนะ...ลองเข้าไปอ่านดูนะค๊ะ
v
v
v
Visit My Website
Credit: aikawa@stop-at-nothing.com + ying_oO
กรุณาเอาออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด
This post has been edited by ying_oO: May 17 2008, 05:06 PM
เราเอามาจากของคนอื่นอีกทีอะ ถ้าจะเอาไปเอาเครดิตไปด้วยน้า จาขอบคุณมาก ๆ
ผลงานอื่นๆ ของ hukukung ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ hukukung
ความคิดเห็น